ซีอีโอของโตโยต้าอ้างว่า EV ทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากยิ่งขึ้น

ซีอีโอของโตโยต้าอ้างว่า EV ทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากยิ่งขึ้น

ซีอีโอของโตโยต้าอ้างว่า EV ทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากยิ่งขึ้น Toyota กำลังปรับแต่งรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมที่จะผลักดันเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Solid-state ออกสู่ตลาดหรือไม่? เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีรายงานระบุว่าอาจเป็นเช่นนั้น ซึ่งอาจทำให้บริษัทได้เปรียบในตลาด EV ทั่วโลกที่มีการแข่งขันสูง แต่ปรากฎว่า อาจจะเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนั้น โตโยต้ายังไม่มีความมั่นใจในศักยภาพของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ – อย่างน้อยก็ในบริบทของตลาดในประเทศญี่ปุ่น

ตามรายงานของ NHK รัฐบาลของญี่ปุ่นมีแผนที่จะยุติการขายรถยนต์เบนซินใหม่ภายในกลางปี ​​2030-2040 เพื่อเข้าสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยต้องเปลี่ยนจากการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินทั้งหมดเป็นรถยนต์ทางเลือกอื่น เช่น รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามคำมั่นสัญญาของนายกรัฐมนตรี Suga Yoshihide ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050

การกำหนดห้ามการขายรถยนต์เบนซินใหม่นี้คล้่ายกับ การสั่งห้ามขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ในอังกฤษ แคลิฟอร์เนีย และฝรั่งเศส ที่ต้องการหยุดการขายรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลตั้งแต่ปี 2030, 2035 และ 2040 ตามลำดับ

ซีอีโอของโตโยต้าอ้างว่า EV ทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากยิ่งขึ้น

ในการแถลงข่าวปลายปี Akio Toyoda ซีอีโอของโตโยต้า ได้แถลงว่า การเปลี่ยนเป็นรถยนต์ EV ทั้งหมดอาจใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ และทำให้รถยนต์ไม่สามารถหาซื้อได้สำหรับคนทั่วไป ดัง “ดอกไม้บนยอดเขาสูง” ตามรายงานของ Wall Street Journal

เขากล่าวว่า ญี่ปุ่นจะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน หากรถยนต์ทุกคันใช้พลังงานไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าของ EV ทั้งหมด จะทำให้ญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 14 ล้านล้านถึง 37 ล้านล้านเยนหรือเทียบเท่ากับ 135,000 ล้านถึง 358 พันล้านดอลลาร์เขากล่าว

เขายังวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้ากล่าวโฆษณาเกินจริง และล้มเหลวในการพิจารณาคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากการผลิตกระแสไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน EV “ยิ่งเราสร้าง EV มากเท่าไร สถานะการณ์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น” เขากล่าว

ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นต้องทนกับปัญหาด้านพลังงานมานานกว่าทศวรรษ พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ผลิตจากถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ แม้ย้อนไปก่อนปี 2011 ญี่ปุ่นพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์อย่างมาก แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ก่อนให้เกิดความเสียหายและความกังวลด้านความปลอดภัย ทำให้โรงงานพลังงานนิวเคลียร์ต้องปิดตัวไป

ปัจจุบันแม้จะผ่านมาเกือบ 10 ปี ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่กลับมาเปิดดำเนินการ ทำให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าของญี่ปุ่นก่อมลพิษมากกว่าแต่ก่อน

ผู้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้ากล่าวว่า EV สามารถชาร์จไฟได้ในเวลากลางคืนเมื่อความต้องการไฟฟ้าต่ำ และเมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถเติบโตควบคู่ไปกับเทคโนโลยีสีเขียวอื่นๆ เช่นพลังงานแสงอาทิตย์

บริษัทโตโยต้าได้ผลักดันให้เทคโนโลยีไฮบริดให้เป็นที่นิยม และเปิดตัวสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน โตโยต้าคาดว่าภายในปี 2025 มากกว่า 70% ของยอดขายในยุโรปเพียงอย่างเดียวจะเป็นรถยนต์ไฮบริด


Ref:
https://www.greencarreports.com/news/1130696_report-toyota-ceo-claims-evs-worsen-co2-emissions-pushes-back-on-proposed-ice-bans
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20201203_10/
https://www.wsj.com/articles/toyotas-chief-says-electric-vehicles-are-overhyped-11608196665