นอร์เวย์เกือบเป็นผู้นำของโลก ในการใช้ไฟฟ้าต่อหัวมากที่สุด การผลักดันอย่างจริงจังของนอร์เวย์ ในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้นำ ไปสู่สถิติปริมาณการใช้ไฟฟ้า โดยในเช้าวันพฤหัสบดีระหว่าง 8.00 – 9.00 น. ชาวนอร์เวย์ห้าล้านคน ใช้ไฟฟ้ามากเท่ากับ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของ 10 ล้านคน ในประเทศใกล้เคียงอย่างสวีเดน
นั่นไม่เพียง เพราะรถ EV จำนวนมากบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ความแพร่หลายของเครื่องทำความร้อนไฟฟ้าในนอร์เวย์ด้วย ไฟฟ้าถูกใช้เพื่อให้ความอบอุ่นมากถึง 85% ของพื้นที่ในร่มทั้งหมด ตามข้อมูลของ Bloomberg
ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้นอร์เวย์มีการใช้ไฟฟ้าต่อหัวประชากรมากเป็นอันดับสองของโลก ตามข้อมูลของธนาคารโลก ซึ่งน้อยกว่าประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศเดียวเท่านั้น นอร์เวย์คาดว่า การใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 30% ภายในปี 2040 Bloomberg รายงาน
อย่างไรก็ตาม ตามที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) การใช้พลังงานต่อหัวไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า นอร์เวย์ได้เพิ่มประสิทธิภาพในที่อื่น ซึ่งก็คือการใช้รถ EV เหล่านี้ และชาร์จไฟจากระบบไฟฟ้า
นอร์เวย์เป็นตัวอย่างสำหรับการนำ EV ไปใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งทำได้โดยการใช้สิ่งจูงใจเชิงรุกหลายอย่างรวมกัน โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่แข็งแกร่ง และสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย รวมถึงระยะทางในการเดินทางโดยเฉลี่ยสั้น ๆ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่คิดเป็น 54% ของยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กในนอร์เวย์ในปี 2020 เทียบกับน้อยกว่า 2% สำหรับสหรัฐอเมริกา
รัฐบาลของนอร์เวย์ยังให้ความสำคัญ กับการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดอย่างจริงจัง ในปี 2020 รัฐบาลได้เข้าควบคุม Lexus ที่ใช้แคมเปญโฆษณาที่อธิบายว่าไฮบริดเป็น “ระบบชาร์ไฟด้วยตัวเอง”
ความกระตือรือร้นของประเทศในเรื่อง EV ได้รับการเปิดเผยมากขึ้น เนื่องจาก โฆษณาของ General Motors Super Bowl ที่นำแสดงโดย Will Ferrell โฆษณาประกาศว่า “นอร์เวย์ เรากำลังมา” และระบุว่า GM จะมี EV 30 รุ่นภายในปี 2025 อย่างไรก็ตาม GM ไม่ได้ขาย EV ในนอร์เวย์ในขณะนี้
นั่นนำไปสู่การตอบโต้เล็กน้อยจาก Audi ที่ขาย E-Tron SUV ในนอร์เวย์ในปี 2020 มากกว่าที่ขายได้ในสหรัฐฯ
