คำสั่งของ Biden อาจเพิ่มปริมาณวัตถุดิบสำหรับ EV ที่ผลิตในอเมริกา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Joe Biden ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร ที่สามารถช่วยรักษาความปลอดภัย ของห่วงโซ่อุปทาน สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนและวัสดุ ไม่ใช่แค่การประกอบขั้นสุดท้าย
สหรัฐฯเป็นผู้ส่งออก EV ประกอบสำเร็จ จำนวน EV ที่สร้างโดย Tesla, Nissan และ General Motors และส่งไปยังประเทศอื่น ๆ มีมากกว่าจำนวน EV ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อรวมถึง EV ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตของ Rivian, Lucid และผู้ผลิตอื่น ๆ แล้ว มีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน
แต่การผลิตในสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับซัพพลายเชนจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกเป็นอย่างมาก แต่ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้ กับวัตถุดิบของชิ้นส่วนที่มีค่าที่สุด ของรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือ ชุดแบตเตอรี่
“สหรัฐฯสามารถใช้ประโยชน์ จากปริมาณสำรองลิเธียม ที่มีขนาดใหญ่ของเรา และความรู้ด้านการผลิต เพื่อขยายการผลิตแบตเตอรี่ ในประเทศได้ดีขึ้น” ฝ่ายบริหารกล่าว ในเอกสารข้อเท็จจริงของทำเนียบขาว พร้อมกับประกาศคำสั่งผู้บริหาร
ความกังวลยังคงดำเนินต่อไปว่า วัสดุโคบอลต์และนิกเกิล รวมถึงธาตุหายาก ที่จำเป็นสำหรับแม่เหล็ก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะสามารถรองรับความต้องการได้หรือไม่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เป็นผู้จัดหาโคบอลต์อันดับต้น ๆ ของโลก แต่จีนสามารถเข้าถึงอุปทานดังกล่าวได้มาก ผ่านการหลบหลีกทางการเมืองบางอย่าง ตามรายงานของ Politico
USGS และกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา พบในการทบทวนสินค้า 50 รายการ ที่ดำเนินการ โดยคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี Trump ในขณะนั้นว่า โคบอลต์เป็นหนึ่งในวัตถุดิบ ที่มีความเสี่ยงสูงสุด ในการหยุดชะงักของอุปทาน
ความพยายามนั้น มุ่งเน้นไปที่การขุดและการสกัดวัตถุดิบโดยเฉพาะ แต่การเคลื่อนไหวของ Biden สามารถช่วยเติมเต็มชิ้นส่วนที่ขายหาย ทำให้จุดมุ่งหมายนึ้ เป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ในการผลิตจริง ที่ใช้วัตถุดิบเหล่านั้น
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla กล่าวว่า Tesla จะกำจัดโคบอลต์ออกจากแบตเตอรี่ ในอนาคต และมีรายงานว่า Panasonic ซึ่งผลิตเซลล์แบตเตอรี่ร่วมกับ Tesla ในเนวาดา ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีที่ปราศจากโคบอลต์ของตัวเอง เมื่อ Tesla ตั้งโรงงาน Nevada Gigafactory นั้น บริษัทมีจุดมุ่งหมาย เพื่อจัดหาวัตถุดิบในอเมริกาเหนือ แต่ไม่สามารถหาอุปทานแร่ธาตุที่จำเป็นบางอย่าง ในประเทศได้เพียงพอ
คำสั่งของ Biden จะเริ่มต้นการตรวจทานสองครั้ง การตรวจทานรอบ 100 วัน จะระบุขั้นตอนและช่องโหว่ระยะสั้น ในขณะที่การทบทวนหนึ่งปี จะรวมการตรวจสอบ ในระดับหน่วยงานในเชิงลึกมากขึ้น ส่งผลให้เกิดข้อเสนอ และกิจกรรมการวิจัยและพัฒนาใหม่ ๆ และรวมถึง “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก ในภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน ชุมชน สหภาพแรงงาน และรัฐบาลของรัฐ ท้องถิ่น ดินแดน และชนเผ่า”